5 พ.ค.61
อยากเกษียณอย่างสบายๆ ต้องมีเงินเท่าไหร่?

สำหรับเด็กรุ่นใหม่ วัยทำงาน วัยกลางคน คุณเหลือเวลาอีกกี่ปีก่อนที่คุณวางแผนจะเกษียณ
คุณออกแบบชีวิตหลังเกษียณไว้เป็นยังไง จะทำอะไรบ้าง และจะเลี้ยงดูตัวเองอย่างไร ในยุคสมัยที่คนเป็นโสดกันมากขึ้น การวางแผนบั้นปลายชีวิตที่ไม่มีลูกหลานมาดูแลจึงเป็นสิ่งสำคัญ
ในวันที่คุณเกษียณ หมายความว่า คุณจะไม่ได้รับรายได้จากการทำงานประจำอีกต่อไป (Active Income) แต่จะต้องเลี้ยงดูตัวเองจากเงินเก็บ เงินบำนาญ เงินปันผล เงินที่ได้จากการลงทุนต่างๆ มาลองคิดกันดูว่า คุณจะต้องมีเงินเท่าไหร่ และต้องเตรียมตัวอย่างไรเพื่อใช้ชีวิตหลังเกษียณแบบสบายๆ อย่างที่คุณต้องการ
ต้องมีเงินเท่าไหร่ถึงจะชราอย่างมีสุข
มาวางแผนทางการเงินเพื่อชีวิตหลังเกษียณแบบที่คุณต้องการกัน
-
กำหนดระยะเวลาที่เตรียมตัว และระยะเวลาหลังเกษียณ มาวางแผนกันว่าเราอายุเท่าไหร่ ต้องการจะเกษียณเมื่อไหร่ และคาดว่าจะใช้ชีวิตหลังเกษียณอีกกี่ปี
-
เลือกระดับความสบาย เพื่อคำนวณค่าใช้จ่ายต่อเดือนหลังเกษียณ


ตัวอย่างเช่น
นายแดง อายุ 30 ปี ต้องการจะเกษียณเมื่ออายุ 60 ปี และคิดว่าจะมีอายุถึง 80 ปี
แสดงว่านายแดงจะมีเวลาทำงานหารายได้จากงานประจำ 30ปี และคาดว่าจะมีชีวิตอยู่หลังเกษียณ 20 ปี
ถ้าหากนายแดงต้องการ “ชราแบบหรูหรา” โดยคาดว่าจะใช้เงิน 50,000 บาทต่อเดือน จะต้องมีเงินเก็บดังนี้
จำนวนเงินที่ควรมี ณ วันเกษียณอายุ = ค่าใช้จ่ายต่อปีหลังเกษียณ x จำนวนปีที่คิดว่าจะมีชีวิตอยู่หลังเกษียณ
ต้องมีเงิน 50,000 x 12 x 20 = 12,00,000 บาท (ยังไม่รวมอัตราเงินเฟ้อ)
หากคิดอัตราเงินเฟ้อช่วงปีที่อายุ 60 - ปีที่อายุ 80 ในอัตราคงที่ 3% ต่อปี นายแดงจะต้องเตรียมเงินไว้ 16,122,225 บาท
ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่เยอะมาก แต่ที่จริงแล้วค่าใช้จ่าย 50,000 บาทต่อเดือนไม่ได้สูงเลย ถ้าเทียบกับเงินในปัจจุบัน
เพราะใน 30 ปีข้างหน้า เมื่อนายแดงอายุ 60 ปี เงิน 50,000 บาทนั้นมีมูลค่าซื้อของได้น้อยกว่า เงิน 50,000 บาทในสมัยนี้มาก
ถ้าคิดอัตราเงินเฟ้อที่ 3% ต่อปี จะเห็นว่าเงิน 50,000 บาทใน 30 ปีข้างหน้ามีมูลค่าเทียบเท่ากับเงิน 20,600 บาทเท่านั้น
ในขณะที่ค่าใช้จ่ายของผู้ที่เกษียณมีหลายๆด้าน ได้แก่ ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพ ค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวและพักผ่อน ทั้งยังต้องสำรองเงินไว้เผื่ออายุยืน รวมถึงค่าใช้จ่ายจิปาถะต่างๆ
ในวันที่ไม่มีรายได้จากงานประจำ เราจะเตรียมตัวเกษียณอย่างไรดี?


ทำยังไงถึงจะมีเงินเก็บพอที่จะใช้ชีวิตหลังเกษียณแบบที่ต้องการ?
เทคนิค 4 ด้านที่จะช่วยให้คุณมีเงินเก็บมากพอ คือ
-
ทำงานให้นานขึ้น เกษียณให้ช้าลง (Active income) เป็นการเพิ่มรายได้จากการทำงานประจำ ยิ่งคุณทำงานนานขึ้น มากขึ้น คุณก็จะมีเงินเก็บมากขึ้นตามไปด้วย แต่ถ้าหยุดทำงานเมื่อไหร่ นั่นคือเมื่อเกษียณ รายได้ส่วนนี้จะหายไป หากคุณทำงานเพิ่มขึ้น 5 ปี ด้วยเงินเดือน 80,000 บาท โดยไม่มีการปรับเงินเดือนขึ้น คุณจะมีเงินเก็บเพิ่ม 4,800,000 บาท ในขณะที่จำนวนปีหลังเกษียณของคุณก็ลดลงอีกด้วย
-
ลดค่าใช้จ่ายตั้งแต่ปัจจุบัน ประหยัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เปลี่ยนไลฟ์สไตล์ตัวเองให้ใช้เงินอย่างรอบคอบ ไม่ฟุ่มเฟือย เพื่ออนาคตในวันข้างหน้า
-
ออมเงินให้มากขึ้น หลายๆคน อาจจะบังคับออมเงินด้วยการหักสัดส่วน % ของรายได้มาเป็นเงินเก็บ ยิ่งมีรายได้มากขึ้นก็จะมีเงินเก็บมากขึ้น ถ้ายิ่งออมเร็วก็จะได้รับผลตอบแทนจากดอกเบี้ยทบต้นมากขึ้น
-
ลงทุน (Passive income) นำเงินที่มีไปลงทุนให้ถูกที่ ให้เงินทำงานและงอกเงยขึ้นเอง เป็นการเพิ่มช่องทางสร้างรายได้โดยที่คุณไม่ต้องอยู่กับมันตลอดเวลาเหมือนการทำงานประจำ
จะเห็นว่าเทคนิคการเก็บเงินข้อ 1-3 นั้นเป็นวิธีการเก็บเงิน ที่เราต้องลงแรงทำงานและเก็บเงินไว้ แต่ไม่ว่าอย่างไร เงินเก็บที่คุณมีมาจะมีมูลค่าลดลงเรื่อยๆ ตามอัตราเงินเฟ้อ หากการฝากเงินกับธนาคารให้อัตราผลตอบแทนต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อ แสดงว่าเงินที่คุณเก็บไว้ก็ค่อยๆลดลง โดยที่คุณไม่รู้ตัวนั่นเอง
ทางแก้ก็คือ การลงทุน เพื่อให้เงินงอกเงย เติบโตสูงกว่าค่าเงินเฟ้อนั่นเอง ลองดูรูปผลตอบแทนจากการลงทุนแต่ละรูปแบบกันได้ที่นี่


คำนวณผลตอบแทนแบบอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปีแบบทบต้น (CAGR) ตั้งแต่ปี 2549-2559 ข้อมูลจาก ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
*อัตราผลตอบแทนจากเงินฝากประจำ 1 ปี (เฉลี่ย 5 ธนาคารใหญ่)
**อัตราผลตอบแทนจากดัชนีพันธบัตรรัฐบาล
***กองทุนรวม 4.46% ผลตอบแทนเฉลี่ย 3 ปี (1 ก.ค.2557 – 30 มิ.ย.2560) บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) จำกัด
****อัตราผลตอบแทนจากดัชนีผลตอบแทนรวม (SET TRI)
แต่ช้าก่อน ผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุน ไม่ได้มาจากเงินปันผลหรือเงินจากดอกเบี้ยทบต้นเท่านั้น
แต่ยังมี Capital Gain คือ กำไรจากการขายหลักทรัพย์นั่นเอง
ยกตัวอย่างเช่น
นางสาวเฌอแตม ซื้อคอนโดราคา 2 ล้านบาทมาในปีนี้ หลังจากซื้อคอนโดมาแล้ว
นางสาวเฌอแตมจะได้รับผลตอบแทน 2 ทางคือ
-
นางสาวเฌอแตม ซื้อคอนโดและปล่อยเช่า ได้รับผลตอบแทนเป็นค่าเช่ารายเดือน เดือนละ 10,000 บาท มีคนเช่าตลอดปี ถ้าคิดแบบไม่มีการขึ้นราคาค่าเช่า หลังปล่อยเช่าเป็นเวลา 10 ปี จะได้รับเงิน 1,200,000 บาท (ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ)
-
ขายคอนโดในปีที่ 10 ในราคา 2.8 ล้านบาท แสดงว่าได้กำไรเพิ่มขึ้น 800,000 บาท
รวมแล้วนางสาวเฌอแตม ได้กำไรจากคอนโดนี้ 1,200,000 + 800,000 = 2,000,000 บาท
หมายเหตุ ตัวอย่างข้างต้นเป็นการคำนวณอย่างคร่าวๆ ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายจิปาถะ และการขอสินเชื่อซื้ออสังหาฯ จากธนาคาร ผู้ที่สนใจลงทุนควรศึกษาให้ดีก่อนลงทุน


หาโอกาสการลงทุนดีดีได้ที่ไหน?
อสังหาฯ เพื่อการลงทุนในฝัน คือ อสังหาฯ ที่ให้ผลตอบแทนจากการเช่าสูงกว่าจำนวนเงินที่ต้องผ่อนธนาคาร ให้กำไรสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อ และราคาห้องสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามความต้องการของตฟลาด แต่การหาอสังหาฯ แบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยในยุคที่คอนโดมีราคาขายเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ไหนจะต้องศึกษาเรื่องศักยภาพโครงการ การบริหารความเสี่ยง และอื่นๆ อีกมากมาย
แต่ไม่ต้องห่วง เราได้รวมเอาโครงการอสังหาฯ จากทั่วประเทศไทยกว่า 150 โครงการ รวมโครงการที่มีศักยภาพในการลงทุนสูง โดยเน้นไปที่โครงการที่กล้าการันตีผลตอบแทนให้กับนักลงทุน รวมทั้งโปรโมชั่นเด็ดๆมากมาย รวมไปถึงการบริการสินเชื่อที่อยู่อาศัยอัตราดอกเบี้ยพิเศษ การเสนอขายบ้านมือสอง จากบริษัทชั้นนำและสถาบันการเงินของประเทศไทย ในงานนี้ผู้ร่วมงานสามารถเลือกโครงการอสังหาฯ ทั้งแนวสูงและโครงการแนวราบ อาทิ ทาวน์เฮาส์ ทาวน์โฮม บ้านพักตากอากาศ คอนโดมิเนียม และคอนโดเทล เพื่อเพิ่มโอกาสการสร้างรายได้ให้นักลงทุนอสังหาฯ พบกันได้ที่งานมหกรรมอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน 2018 (Thailand Property Best Buy Expo 2018) ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 4-6 สิงหาคม 2561 ณ ศูนย์การประชุมไบเทค บางนา ห้องภิรัชฮอลล์ 2-3
งานนี้เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ มือใหม่อสังหาฯ และนักลงทุนผู้มากประสบการณ์ ร่วมฟังบรรยายเทคนิคการลงทุนจากเหล่าโค้ชชื่อดังในวงการ ศึกษาทำเลทองที่เหมาะกับนักลงทุน ชมโปรโมชั่นเด็ดๆ และลุ้นรับของรางวัลมากมาย


อ้างอิง